การถูกแอบอ้างเป็นภัยคุกคามที่นักเคลื่อนไหว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน องค์กรที่ไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐ สื่ออิสระ และนักเขียนบล็อกจำนวนมากต้องเผชิญ โดยฝ่ายตรงข้ามจะสร้างโปรไฟล์ เว็บไซต์ หรืออีเมลปลอมด้วยชื่อของพวกเขา ปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าเพื่อทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด โจมตีด้วยวิธีการวิศวกรรมทางสังคม หรือการขโมยตัวตนเพื่อสร้างเรื่องอื้อฉาว ก่อให้เกิดความหวาดระแวง และละเมิดข้อมูลส่วนตัว ซึ่งล้วนส่งผลต่อชื่อเสียงของบุคคลหรือกลุ่มที่ถูกแอบอ้าง นอกจากนี้ ในกรณีอื่นๆ ฝ่ายตรงข้ามอาจแอบอ้างเป็นใครบางคนในโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องการเงิน เช่น การเรี่ยไรทุน ขโมยข้อมูลลับสำหรับการชำระเงิน การรับการชำระเงิน ฯลฯ เป็นต้น

ปัญหานี้เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่อาจส่งผลต่อความสามารถของคุณในการสื่อสารและให้ข้อมูลได้ในหลายระดับ นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณถูกแอบอ้างที่ไหนและอย่างไร

สิ่งสำคัญคือว่า คุณควรทราบว่ามีวิธีการหลายแบบในการแอบอ้างตัวบุคคล (เช่น สร้างโปรไฟล์ปลอมในโซเชียลมีเดีย, ลอกเลียนแบบเว็บไซต์, ส่งอีเมลโดยปลอมแปลงชื่อผู้ส่ง, เผยแพร่ภาพหรือวิดีโอส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม) กลยุทธ์ต่างๆในการตอบโต้อาจรวมไปถึงการส่งคำร้องขอให้ลบข้อมูล, พิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่แท้จริง, อ้างลิขสิทธิ์ของเว็บไซต์หรือข้อมูลที่แท้จริง, หรือเตือนเครือข่ายและผู้ที่ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะหรือทางลับ การวินิจฉัยปัญหาและหาทางออกที่เป็นไปได้จากการถูกแอบอ้างอาจเป็นเรื่องซับซ้อน บางครั้ง มันอาจแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะผลักดันให้บริษัทผู้ให้บริการโฮสติ้งขนาดเล็กลบเว็บไซต์ออก และอาจจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติที่ดีคือการตั้งค่าเตือนและติดตามเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบว่าคุณหรือองค์กรของคุณกำลังถูกแอบอ้างหรือไม่

ส่วนนี้ของคู่มือการปฐมพยาบาลทางดิจิทัลจะพาคุณไปศึกษาขั้นตอนเบื้องต้นในการวินิจฉัยวิธีการที่สามารถใช้แอบอ้างและกลยุทธ์ที่สามารถใช้บรรเทาปัญหาโดยการลบบัญชี เว็บไซต์ และอีเมลที่แอบอ้างคุณหรือองค์กรของคุณ หากคุณกำลังถูกแอบอ้าง ให้ทำแบบสอบถามนี้เพื่อบ่งชี้รูปแบบปัญหาของคุณและหาทางออกที่เป็นไปได้